เจาะตลาดอินเดีย หนีภัย COVID-19

สมัยแอดมินตอนยังเด็กๆ ถ้าเห็นภาพ “รถเข็นขายโรตี” ก็ทำให้นึกถึง “อาบัง” ทุกที

แต่พอโตถึงได้เข้าใจว่า อาบังที่ขายโรตีนั้น ไม่ใช่บังอินเดียนะ โรตีอินเดีย เขาไม่ใส่นมน้ำตาลแบบนี้

แต่ก็ เข้าเรื่องเลยดีกว่า วันนี้แอดมิน จะพาไปทัวร์โลกการค้าที่อินเดีย อย่างที่เราเห็นว่าการที่ไทยพึ่งพาจีนมากเกินไป พอเกิด COVID-19 ไทยเราก็ไปไม่ถูกเลยทีเดียว

อย่างที่เพื่อนๆ น่าจะพอทราบว่า ประชากรอินเดียมีมากถึง 1,350 ล้านคน และคนอินเดียชั้นกลาง ที่มีกำลังซื้อมีมากถึง 400 ล้านคน

คำถามคือ เราจะเจาะตลาดแดนภารตะ เอาเงินจากคนอินเดียได้อย่างไร?

แอดมินสรุปประเด็นให้จากสัมมนาของ DITP และของ อ.อดุลย์

หากพร้อมแล้วไปติดตามกันเลย

════════════════

ช่วย SMEs นำเข้า-ส่งออก

www.zupports.co

════════════════

1) อินเดียมีพื้นที่ใหญ่กว่าไทย 6 เท่า ประชากร 1,350 ล้านคน ประชากรชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อ 400 ล้านคน เทียบคนไทยทั้งประเทศ 69 ล้านคน

ประชากรอินเดีย อายุเฉลี่ย 29 ปี อ่านออกเขียนได้ 74% กำลังกำลังแรงงานในปี 2025 คาดว่าจะแตะ 500 ล้านคน

2) อินเดียแบ่งเป็น 29 รัฐ กับ 7 เขตปกครอง รวมกันก็คล้ายๆว่ามี 36 รัฐ ซึ่งเวลาประชุมกันระดับประเทศ ต้องใส่หูฟังแปลเสียง เพราะว่าพูดกันหลากหลายภาษามาก

บริเวณภาคอีสานของอินเดีย รัฐ 7 สาวน้อย และ รัฐ 1 หนุ่ม (รัฐสิกขิม) หน้าตาเหมือนคนไทยเป๊ะ

3) คนไทยไปอินเดียปีละ 1 แสนกว่าคน เกือบทุกคน ไปพุทธคยา อยู่ใรรัฐพิหาร ซึ่งยากจนที่สุดในอินเดีย ทำให้เข้าใจผิด ไม่ได้ไปฝั่งตะวันตก เช่น มุมไบ ซึ่งเจริญกว่ามาก

คนส่วนใหญ่ มองว่าอินเดีย สกปรก ขอทานเยอะมาก ซึ่งก็ยังเป็นเรื่องจริง แต่บริเวณที่เจริญแล้วก็มี

4) ตัวอย่างเช่น มุมไบ มี ประชากร 20 ล้านด้วยความที่เมืองหนาแน่นมาก ราคาที่ดินแพง ทำให้ประชาชนกว่า 50% ต้องอยู่สลัม 50%

ใครอยากศึกษาเพิ่มเติมลองไปดูหนัง Slum Dog Millionaire

5) มาเฟียบนท้องถนนคือ “วัว” คนอินเดีย 80% นับถือฮินดู ไม่ทานเนื้อวัว คำว่า Beef จริงแล้วรวมทั้งเนื้อวัวและเนื้อควาย

แต่ในอินเดีย คือ เนื้อควาย เท่านั้น อินเดียเป็นผู้ส่งออกเนื้อควายรายใหญ่ของโลก โดยมีมาเลเซียนำเข้าเนื้อควายจากอินเดียเป็นลำดับต้นๆ เนื่องจากเป็นอาหาร Halal และไม่มีภาษีนำเข้า

6) อินเดียเป็นประเทศผลิตเพื่อการส่งออก

แต่วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตนั้น โดยหลักจะนำเข้าจากประเทศจีน จึงอยากให้ผู้ประกอบการไทยมองโอกาสตรงนี้ในการหาวัตถุดิบส่งเข้าประเทศอินเดียทดแทนประเทศจีน

7) ถ้าถามคนอินเดียว่าอยากไปประเทศไหนหลังเรียนจบ แอดให้ทายว่าเป็นประเทศไหน

ประเทศแรกที่คนอินเดียอยากมาคือ “ประเทศไทย” เพราะลักษณะนิสัย รักความสนุก ยิ้มแย้มแจ่มใส คล้ายวิถีของคนอินเดีย

คนอินเดียชอบการ Shopping ที่ประเทศไทยมาก เพราะสนุกและราคาเข้าถึงได้

8) เคล็ดลับการทำธุรกิจกับคนอินเดีย

หนึ่ง สำคัญที่สุดคือต้องเจอหน้ากันก่อนเลยนะ หรือต้องมีเพื่อนแนะนำมาให้ มีการตรวจสอบประวัติระหว่างกัน

สอง ต้องพึ่งพาคนท้องถิ่นที่พูดภาษฮินดี้

สาม คนอินเดียชอบทำธุรกิจกับชาวต่างชาติในธุรกิจที่อินเดียไม่มีหรือไม่สามารถทำเองได้

สี่ คนอินเดียชอบของธรรมชาติ (Organic) เช่นน้ำมันมะพร้าว คนอินเดียใช้ตั้งแต่ตื่นนอนเลย คือ กลั้วปากด้วยน้ำมันมะพร้าว เอาใส่ผมเพื่อให้ผมดำเงางาม ใช้กิน รวมถึงใช้หยอดกลอนประตูถ้ามีอาการฝืด

ห้า คนอินเดียต่อราคาเก่งมาก แต่ถ้าคุ้นเคยกับใครแล้วมักไม่ค่อยเปลี่ยน คนไทยต้องอดทนอย่างพึ่งเบื่อว่าคุยหลายรอบ

หก คนอินเดียนิยมสินค้าขนาดเล็ก ราคาถูก ซื้อซ้ำได้บ่อยๆ

9) แนะนำให้เข้าเมืองรองของอินเดีย

รัฐปัญจะ เมืองจานิก้า

ไจปู เป็นเมือง Jewelry

ลักนาว (Lucknow) เป็นเมืองเก่าแต่นายกรัฐให้ความสำคัญในการพัฒนารัฐ

รัฐมหารัชตะ เมืองมุมไบ

รัชกุจราช เมืองเพชร อาหาร พืช สัตว์

เมืองทมิฬนาดู เมืองแห่งยานยนต์ Automotive Part

รัฐเนลังกาน่า สินค้าฮาลาล

รัฐอุตตรประเทศ (แปลว่ารัฐทางเหนือ) มีประชากรมากที่สุด 200 ล้านคน เป็นมุสลิม 20%

10) กลุ่มลูกค้าอินเดียมี 3 กลุ่ม คือ

หนึ่ง กลุ่ม Super rich คนชอบความหรูหรา ชอบสินค้า Limited edition

สอง กลุ่ม Middle Class คนทำงาน เริ่มจับจ่ายใช้สอย เข้าสังคม

สาม กลุ่ม Young Generation คนที่เริ่มแยกครอบครัวออกมาใช้จ่ายเอง

11) บริการที่น่าจับตามอง

หนึ่ง บริการรองรับการแต่งงาน เช่น Jewelry, ของชำร่วย เนื่องจากคนอินเดียทุ่มเทมากกับการแต่งงาน

สอง บริการ Car care เศรษฐีอินเดียใช้รถแพง จะจ้างคนขับรถ และคนขับรถจะไม่ได้มาดูแลรถให้

สาม Coffee shop ที่เหมือนร้าน Starbuck เป็น community ใช้นั่งทำงาน

12) สินค้าที่น่าจับตามอง

หนึ่ง เครื่องสำอาง, Skincare (ตอนนี้ประเทศเกาหลีกำลังตีตลาดเครื่องสำอางในอินเดีย)

สอง เครื่องสำอางสำหรับ Segment ผู้หญิงมุสลิมน่าสนใจมาก เนื่องจากต้องใช้วัตถุดิบที่ไม่ได้มาจากหมูหรือสัตว์ ซึ่งกลุ่มนี้มีแนวโน้มการเติบโตและคู่แข่งน้อย

สาม สินค้า Vegan &Healthy เน้นผัก ไม่ใส่นม เนื่องจากคนอินเดียส่วนใหญ่เป็น Vegetarian และตลาด Vegan เติบโตมาก

สี่ อุตสาหกรรม Food Processing เนื่องจากอินเดียผลิตปักผลไม้อันดับสองของโลก แต่แปรรูปได้เพียง 2% (ไทยกว่า 30%) เสียหายถึง 50% หากแปรรูปผักผลไม้ คนอินเดียไม่กิน คือ มีของสดเหลือเฟือ

13) สินค้า Made in Thailand จริงๆ แล้ว ไม่ได้ขายได้ทุกประเทศ บางทีขายของแพงเช่น ชุดกลางคืน 30,000 บาท ขายในมาเลเซีย ขายไม่ได้ เพราะคนมาเล ไม่คิดว่าของไทยจะราคาแบบนี้ได้

แต่สำหรับคนอินเดีย หากมีคำว่า Made in Thailand คือ “Excellent”

มุมมองต่อสินค้าไทยของคนอินเดีย ชอบสินค้าไทยมากเนื่องจากมีคุณภาพดี เหมาะสมกับราคา

14) มะขามหวานไทย market share 100% ในอินเดีย ผลไม้อื่นๆ ที่คนไทยขายไป ได้แก่

– ลำไย

– แก้วมังกร (อินเดียบอกแก้วมังกรจากไทยสุดยอดที่สุด จริงๆ เอาพันธุ์มาจากเวียดนาม)

– มะพร้าวอ่อนขายลูกละ 250 บาท แต่คือ ตั้งราคาเผื่อเน่า ชาวสวนไทย ได้เท่าเดิม

– เงาะ มังคุด

– เมื่อก่อนนิยมฝรั่งกิมจู แต่อินเดียปลูกได้แล้ว

15) ค้าปลีก อินเดีย อนุญาตให้ต่างชาติ ถือหุ้นได้เพิ่มขึ้น โดยร้านค้า Multibrand ให้ถือกุ้นได้ไม่เกิน 51% ส่วนร้าน Single Brand สามารถถือหุ้นได้ 100%

ที่เพิ่มขึ้น Modern trade 18% ออนไลน์ 7% โชว์ห่วย ส่วนที่เหลือ เรียกว่า ตลาด Kirana