สีจิ้นผิง ส่งสัญญาน จีนพร้อมกลับมาลุยค้าขายกับชาวโลก

สีจิ้นผิง ได้ไปเยือนเมืองหนิงโป (Ningbo) หนึ่งในเมืองเอก ของมณฑลเจ้อเจียงเมื่อวันที่ 29-30 มีนาคมที่ผ่านมา

นับเป็นเมืองที่ 2 นอกกรุงปักกิ่ง ที่ทางสีจิ้นผิงไปเยือน นับจากการไปเยือนเมืองอู่ฮั่นในวันที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา

โดยทางสีจิ้นผิง และทีมงานได้ไปเยือนหนิงโป ในวันที่ฝนตกหนักพอดี โดยไปเยี่ยมทั้งท่าเรือ ที่มีตู้คอนเทนเนอร์กองอยู่เป็นภูเขา และเยี่ยม SMEs และโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในหนิงโป

สีจิ้นผิง กล่าวขณะเยือนหนิงโปว่า

“ผมมาที่นี่เพื่อรับฟังเสียงของประชาชน เพื่อจะได้ออกนโยบายช่วยเหลือได้จำเพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น”

การเริ่มต้นกลับมาโฟกัสการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน โดยเริ่มจากการเยือนเมืองหนิงโป ก็ถือเป็นการส่งสัญญานที่สำคัญ

โดยเมืองหนิงโป ถือเป็นเมืองท่าทางทิศตะวันออกของจีน ที่สำคัญ สำหรับการ นำเข้า ส่งออก มาตั้งแต่ในอดีต จนถึงปัจจุบัน

สำหรับบทความนี้ เราไปดูกันว่า เมืองหนิงโปแห่งนี้ มีความสำคัญอย่างไร

หากพร้อมแล้ว ไปติดตามกันเลย

════════════════

หาราคาขนส่งทั่วโลก ที่ดีที่สุด

www.zupports.co

════════════════

1) เมืองหนิงโป เป็นเมืองหนึ่งในมณฑลเจ้อเจียง โดยเป็นที่ตั้งของท่าเรือ หนิงโป-โจวซาน ซึ่งท่าเรือนี้เป็นท่าเรือระดับโลก ที่ติดลำดับ Top Ten ของปริมาณการขนส่งสินค้าทางเรือมากที่สุดในโลก มาต่อเนื่อง 10 ปีซ้อน

นอกจากนี้เมืองหนิงโปได้รับการขนานนามจากสีจิ้นผิง ว่าเป็น “ท่าเรือโบราณเส้นทางสายไหม”

2) ด้วยความที่จีน ยังเป็นเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกอยู่มาก และการที่ชาวโลกป่วย

แต่จีนหายป่วยคนเดียว ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไปเพราะคนจีนยังไงก็ต้องส่งสินค้าไปขายคนทั่วโลกอยู่ดี

การที่สีจิ้นผิง เลือกมาเยี่ยมหนิงโป จึงเป็นการส่งสัญญานว่า จีนพร้อมที่จะปรับโฟกัสกลับมาที่เศรษฐกิจการค้าแล้ว

3) ปัจจุบัน หนิงโป-โจวซาน นับเป็นเมืองท่าที่มีการขนส่งสินค้ามากที่สุดเป็นลำดับที่ 3 ของโลก รองจาก เซี่ยงไฮ้ และสิงคโปร์ โดยมีปริมาณขนส่งประมาณ 27.5 ล้านตู้ (TEU) ในปีที่แล้ว

โดยจริงๆ แล้วท่าเรือ หนิงโป-โจวซาน ควบรวมกิจการสมัยยุคที่สีจิ้นผิง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำมณฑลเจ้อเจียงนั่นเอง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2548

4) เมืองหนิงโป มีประชากรประมาณ 8 ล้านคน (ใกล้เคียงกรุงเทพฯ) มีพื้นที่ 9,365 ตร.กม. (ใหญ่กว่ากรุงเทพฯ ประมาณ 6 เท่า)

เศรษฐกิจหนิงโปขับเคลื่อนโดยภาคเอกชน โดยมีสัดส่วนประมาณ 80% ของ GDP แตกต่างจากเมืองอื่นๆ ในเขตเศรษฐกิจแม่น้ำแยงซี ที่ขับเคลื่อนจากรัฐวิสาหกิจ

5) SMEs เป็นพลังที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเมืองหนิงโป โดยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมสิ่งทอ (1 ใน 4 ของตลาดจีน) เครื่องใช้ในบ้าน และอุตสาหกรรมยานยนต์ชั้นนำของจีน เช่น Zhejiang Geely Holding และบริษัท Shanghai Volkswagen

โดยทางสีจิ้นผิง ยังได้ตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีชื่อว่า ZDM Zhenzhi Machinery and Mould ซึ่งได้เริ่มมีการจ้างพนักงานเพิ่มเติม 142 คน เพื่อส่งออกชิ้นส่วนไปยังเยอรมนี ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น

6) ทางจีนเอง ยังมีแผนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจปากอ่าวหนิงโป-หางโจว (Ningbo-Hangzhou Bay New Area: NHBA) ให้เป็นเขตอุตสาหกรรมการผลิตใหม่ ครอบคลุมด้านยานยนต์ การบิน ปัญญาประดิษฐ์ และเศรษฐกิจดิจิทัล

และตั้งเป้า พัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตให้เทียบเท่ากับเยอรมนี

โดยมีการลงทุนของบริษัท SAIC Volkswagen และบริษัท Geely Auto มีกำลังการผลิตรถยนต์ 1.2 ล้านคัน

รวมไปถึงเป็นที่ตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา Geely Volvo ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

7) นอกจากเมืองหนิงโปแล้ว มณฑลเจ้อเจียง ยังมีอีกหลายๆเมืองที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น เมืองที่พ่อค้าแม่ค้าไทย น่าจะได้ไปเยือนกันมาแล้วก็คือเมือง อี้อู (Yiwu)

ซึ่งถือเป็น “ตลาดค้าส่งสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ใหญ่ที่สุดในโลก”

แหล่งรวมสารพัดสิ่งของชิ้นเล็กชิ้นน้อย ให้คนทั่วโลกซื้อมาค้าขายประกอบอาชีพกันได้

8) มณฑลเจ้อเจียง ยังมีเมืองหลวงอย่าง หางโจว (Hangzhuo) ที่ได้ชื่อว่าเป็น “สวรรค์บนดิน” ด้วยความสวยงามของเมือง และทะเลสาบซีหู

นอกจากเมืองสวยแล้ว คนก็สวยด้วย ถึงขนาดเพื่อนคนจีนยังบอกว่า นางฟ้าบนดิน ก็อยู่ที่เมือง หางโจวนี่แหล่ะ

และก็จะลืมไปไม่ได้ว่า Alibaba และบริษัทเทคโนโลยีต่างๆของจีนก็ยังมีสำนักงานใหญ่ที่เมืองนี้ ถือเป็นเมืองเศรษฐกิจยุคใหม่ ที่สำคัญมากๆ แห่งหนึ่ง

9) กล่าวได้ว่า มณฑลเจ้อเจียง เป็นมณฑลที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจจีนเป็นอย่างยิ่ง และยังถือแหล่งอำนาจของสีจิ้นผิงอีกด้วย ด้วยการที่สีจิ้นผิง เติบโตขึ้นมาจากตำแหน่งเลขาธิการประจำมณฑลแห่งนี้

ช่วงที่สีจิ้นผิง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมณฑลเจ้อเจียง ได้มอบนโยบายที่สำคัญอย่างหนึ่งเอาไว้ก็คือ

“ภูเขาสีเขียวและน้ำใส มีความสำคัญเทียบเท่า เงินทองที่กองมากมายเป็นภูเขา”

ซึ่งจีน(และโลก)เอง ก็เผชิญเหตุการณ์ที่ท้าทายแนวนโยบายนี้มาอย่างต่อเนื่องทั้ง ปัญหามลพิษ มาจนถึงโรคร้ายเช่นนี้

มีข่าวหลายสำนักรายงานเรื่องที่สถาวะมลพิษของโลกที่ดีขึ้น จากการที่มนุษย์ (ต้อง) หยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

มาถึงวันนี้ก็คงเป็นบทพิสูจน์ แนวคิดของสีจิ้นผิงว่า ยังคิดเหมือนเมื่อ 15 ปีที่แล้วหรือไม่ คือ แนวทางสายกลาง ดูแลสิ่งแวดล้อมไปด้วย พร้อมๆ กับการการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

หรือจะกลับมาเร่งเครื่องเศรษฐกิจเต็มสูบ เพื่อชิงความเป็นหนึ่งในโลก ในจังหวะที่สหรัฐอเมริกาเพลี่ยงพล้ำ?

โควิด-19 เหมือนกดปุ่มพักรบชั่วคราว

แต่หลังจากกลับมาชก ต้องดูว่านักมวยอีกฝั่งหนึ่งจะพร้อมชกไหม?

และโลกเราจะทนนักมวย ทั้ง 2 ฝ่าย (หรืออีกหลายฝ่าย)

ชกกันไหวหรือไม่??

น่าติดตามจริงๆ…

════════════════

หาราคาขนส่งทั่วโลก ที่ดีที่สุด

www.zupports.co