สาเหตุที่ช่วงนี้ ค่าขนส่งสินค้าทางทะเล แพงขึ้นหลายเท่าตัว

แอดมินได้มีโอกาสคุยกับพี่ๆในวงการขนส่งหลายคนบอกว่า

สถานการณ์ในช่วงเวลานี้ “ไม่เคยเจอมาก่อน”

แบบว่า ตั้งแต่ทำงานมา 20 ปี ยังไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ ที่ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน และราคาขนส่งทางทะเล สูงขึ้นเป็นหลายเท่าตัว

ราคาสูงแบบไม่เคยเห็นมาก่อน (รวมไปถึงราคาหุ้นเรือตู้ ก็ขึ้นไปหลายเด้งแล้วเช่นกัน)

แต่สถานการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร

แล้วมันจะคงอยู่แบบนี้นานแค่ไหน

วันนี้ทางแอดมิน ขอสรุปประเด็นมาเล่าสู่กันฟัง เท่าที่พอรู้

หากพร้อมแล้ว เราไปติดตามกันเลย

=========================

นำเข้า “ความรู้” ส่งออก “ความคิด” ติดตาม

“นำเข้าส่งออก สุดขอบฟ้า”

=========================

1) สถานการณ์ปัจจุบัน คือ การนำเข้าของสหรัฐฯ เดือน ตุลาคมที่ ผ่านมา เพิ่มสูงถึง 20.6% ขณะที่ฝั่งยุโรปก็

เริ่มกลับมาบวก โดยอาจมีสาเหตุ 4 ข้อด้วยกัน คือ

.

หนึ่ง นำเข้าเพื่อชดเชย สินค้าคงคลังที่ร่อยหรอลง เพราะว่ามีการชะลอการนำเข้า ช่วงปิดประเทศ

.

สอง e-commerce ที่เติบโตมากขึ้นอย่างมาก และลูกค้าต่างคาดหวังที่จะได้รับสินค้าอย่างรวดเร้ว ภายใน 1 วัน ซึ่งกลับทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องมีสต๊อกสินค้า มากขึ้น จึงเกิดการเร่งการนำเข้า เพื่อสร้างสต๊อกให้เพียงพอกับยอดขาย

.

สาม คนเริ่มกลับมามีงานทำ และเริ่มใช้จ่ายมากขึ้น

.

สี่ มีการเปลี่ยนแปลง Peak Season ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจาก Promotion ต่างๆ ของแพลตฟอร์ม e-commerce

2) แน่นอนว่าจากสาเหตุในข้อ 1 ก็ทำให้ค่าขนส่งโดยเฉพาะทางทะเล จากเอเชีย ไปสหรัฐฯ แพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และค่าขนส่งได้พุ่งทะลุ ตัวอย่างเช่น เซี่ยงไฮ้ ไปแถวๆนิวยอร์ค ประมาณ 4,000 เหรียญสหรัฐ ต่อตู้ยาว ไปช่วงเดือน กันยายน ที่ผ่านมา (ปกติอยู่แถวๆ 1,000 – 2,000 เหรียญสหรัฐฯ)

3) โดยปกติสหรัฐฯ ก็เน้นนำเข้าสินค้า ส่งออกน้อยอยู่แล้ว ยิ่งพอเจอโควิดแบบนี้ ก็ยิ่งส่งออกน้อยเข้าไปใหญ่ ทำให้เกิดวิกฤตซ้อนเข้าไปจากวิกฤตราคาค่าขนส่งก็คือ “ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน” หรือตู้ช๊อต เพราะว่ามีแต่เรือขนตู้ไปที่สหรัฐฯ แต่ไม่ค่อยมีตู้ที่ออกจากสหรัฐฯ

.

ทำให้ช่วงเดือน ตุลาคมที่ผ่านมา หลายๆ ประเทศที่ส่งออกวุ่นวายกันมาก

4) นอกจากนี้ เรือขนส่งที่วิ่งจากเอเชีย ไปสหรัฐอเมริกา ก็ไม่ได้วิ่งไปกลับทางเดิมแบบเครื่องบิน แต่ขากลับมีการแวะตามที่ต่างๆ เพิ่มขึ้น ทำให้ เทียวเรือขากลับจากฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ มาฝั่งเอเชีย จะใช้เวลานานกว่าขาไปประมาณ 10-20 วัน

.

เช่น จากจีนไปลอสแองเจลลิส ประมาณ 20 วัน แต่ขากลับอาจใช้เวลา 30-40 วัน

5) นอกจากที่สินค้าขาเข้าสหรัฐฯ มากกว่าสินค้าขาออกแล้ว ที่ผ่านมาช่วงโควิด เนื่องจากความต้องการขนส่งลดลงกว่า ครึ่งหนึ่ง ก็ทำให้สายเรือ หลายๆสาย เอาเรือใหญ่ไปจอดทอดสมอไว้เฉยๆ เอาเรือเล็กวิ่งแทน

.

พอสถานการณ์ดีขึ้น หลายๆ ประเทศกลับมาส่งออก สายเรือก็ยังใช้เรือเท่าเดิมนั่นแหล่ะ ดึงราคาขนส่งขึ้นมาอีก

6) พอสายเรือพบว่าตู้คอนเทนเนอร์มีจำกัดมากๆ และส่งสินค้าไปสหรัฐฯ หรือแม้กระทั่งยุโรป ได้กำไรต่อตู้เยอะกว่ามาก ก็ยิ่งแบ่งโควต้าให้ไป โซนฝั่งโน้นเยอะขึ้น ทำให้คนที่ค้าขายกันในเอเชียก็ซงยไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย ตู้ช๊อตไปตามๆ กัน

7) อีกประเทศที่ฮอตมากๆ รองจากสหรัฐฯ ก็คือ อินเดีย ที่พี่แกก็ปิดประเทศไปยาวนานเหมือนกัน และพอกลับมาเปิดใหม่ก็ทำให้สถานการณ์ขนส่งเลวร้ายมากๆ

8) ตอนนี้เพื่อนๆ ที่ทำนำเข้าส่งออก โดยเฉพาะขาส่งออก คงเจอปัญหาค่าขนส่งทางทะเล ขึ้นรัวๆ และหากใครส่งออกไปประเทศยอดนิยมก็ต้องเผื่อเวลาล่าช้าเนื่องจากท่าเรือหนาแน่นด้วย โดยเฉพาะ สหรัฐฯ, จีน (หนิงโบ), และเกาหลีใต้ (ปูซาน)

.

ซึ่งปัญหาก็ลามไปทั่วทุกเส้นทางแล้ว ตัวอย่างเช่น ราคาขนส่งจากไทยไปเซี่ยงไฮ้ ก็มีให้เห็นหลัก 1,000 เหรียญสหรัฐต่อตู้! (ขณะที่ช่วงปกติ หลักร้อย หรือ บางทีฟรีค่าขนส่งทางทะเลด้วยซ้ำ!)

9) แล้วสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ต้นทุนขนส่งทางทะเลจะพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ถึงจุดไหน จากการคุยกับพี่ๆ หลายท่าน ก็คิดว่าสถานการณ์น่าจะยังราคาสูงอยู่จนถึงช่วงตรุษจีน

10) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องอย่าลืมว่าสาเหตุส่วนหนึ่งของความวุ่นวายรอบนี้เกิดจาก Pent Up Demand หรือความต้องการของสินค้าและบริการหลายอย่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจาก “ความต้องการที่ถูกอั้นไว้”

.

หลายๆ เหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ซึ่งก็เดายากจริงๆ ว่าจะจบอย่างไร ซึ่งโลกอาจกลับมาคึกคักอีกรอบจริงๆ ก็ได้ หลังจากที่ทรัมป์ที่ป่วนการค้าโลก กำลังจะหมดวาระ

.

สำหรับเพื่อนๆ นักลงทุนก็ต้องประเมินสถานการณ์ดีๆ ว่าจะตามเค้าไป หรือจะทำอย่างอื่นดี

11) สถานการณ์ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่สหรัฐฯ สายเรือก็เริ่มมีการลดราคาค่าขนส่ง สำหรับตู้ที่ไม่ใช่ตู้ 40 ฟุต (ตู้ยาว) กันแล้ว เพื่อแก้ปัญหาตู้ช๊อต…คือพยายามขนตู้กลับให้ได้

12) ประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม สำหรับ เพื่อนผู้ประกอบการ ที่กำลังประสบปัญหา แอดมินแนะนำบริการเปรียบเทียบค่าขนส่งทั้งทางทะเล ทางอากาศ และทางบก นั่นก็คือสตาร์ทอัพไทยอย่าง “ZUPPORTS”

.

ทีมงานยินดีช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกท่าน สนใจลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้เลยที่  https://zupports.co/register/

——————————–

หากบทความมีประโยชน์ กดไลค์ และแชร์ให้เพื่อนๆ ได้เลย

หรือเพื่อนๆ มีข้อสงสัยเรื่องไหน อยากให้แอดมินเล่าให้ฟัง ก็ส่ง inbox มาคุยกันเลยได้ที่ https://bit.ly/3j7BwBW

=========================

นำเข้า “ความรู้” ส่งออก “ความคิด” ติดตาม

“นำเข้าส่งออก สุดขอบฟ้า”

=========================

*** แนะนำ ZUPPORTS บริการดีๆ สำหรับผู้นำเข้าส่งออก

ช่วยบริหารจัดการ ขนส่งระหว่างประเทศ ผ่านช่องทางออนไลน์

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษและข่าวสถานการณ์การค้าโลก

ได้แล้ววันนี้ที่  https://zupports.co/register/

——————————–

ที่มา:

https://theloadstar.com/container-shortage-crisis-spreads-to-intra-asia-trades-driving-prices-higher/

https://theloadstar.com/ocean-freight-rates-set-to-spike-as-carriers-ride-out-coronavirus-storm/

——————————–

❤️ อ่านบทความย้อนหลังได้ที่

https://www.zupports.co/author/zupports/

นำเข้าส่งออก สุดขอบฟ้า marketplace: ใครมีสินค้าดีๆ โพสขายกันได้เลย

https://www.facebook.com/groups/573677150199055/

#นำเข้าส่งออกสุดขอบฟ้า #นำเข้า #ส่งออก

#ZUPPORTS

ข่าวสารอื่นๆ