ของสิ่งนี้ ผลิตที่ไหน EP.1: ตู้คอนเทนเนอร์

เคยสงสัยไหม ของต่างๆ ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ผลิตมาจากที่ไหนกันบ้าง?

คนที่ชอบรายการแนวๆ กบนอกกะลา น่าจะชอบซีรีส์ชุดนี้ โดยต้องบอกว่ารอบนี้ แอดมินจะพาไปทัวร์รอบโลกกันเลยไม่เฉพาะแค่ไทย (แหม่ พูดไปแล้วก็อยากบินไปเที่ยว ต่างประเทศแล้วเนอะ ^^)

แน่นอนว่า สำหรับตอนแรกของเพจ “นำเข้าส่งออก สุดขอบฟ้า” ก็คงจะเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้ นอกจากประเด็น ที่ฮอตที่สุดของการนำเข้า ส่งออก ในช่วงนีก็คือ…

ตู้คอนเทนเนอร์ ที่ใช้ขนส่งทางทะเล

ซึ่งตอนนี้ ตู้มันหายไปไหนกันหมด! ทำให้ค่าขนส่งทางทะเล พุ่งขึ้นแบบไม่เคยเห็นมาก่อน

คิดๆ แล้วก็อยากจะผลิตตู้ขึ้นมาใช้เองช่วงนี้เลย >.<’’

และเพื่อให้ได้อรรถรส ก็ขอเริ่มด้วยการเล่าจุดกำเนิดของตู้คอนเทนเนอร์กันก่อน…

หากพร้อมแล้ว เราไปติดตาม ของสิ่งนี้ ผลิตที่ไหน EP.1 กันเลย

=========================

นำเข้า “ความรู้” ส่งออก “ความคิด” ติดตาม

“นำเข้าส่งออก สุดขอบฟ้า”

=========================

กำเนิดตู้คอนเทนเนอร์

ย้อนอดีตกลับไปปี ค.ศ.1937 หนุ่มชาวอเมริกันวัย 24 ปี นามว่า มัลคอม แม็คลีน ทำอาชีพคนขับรถบรรทุกส่งฝ้าย จากรัฐนอร์ธแคโรไลน่า ทางตะวันออกของทวีปอเมริกา ไปลงเรือที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะทางกว่า 900 กิโลเมตร

โดยทุกครั้งที่เขาไปส่งของที่ท่าเรือ เขาจะต้องเจอกับเหตุการณ์ซ้ำๆ ที่น่าเบื่อมากๆ ก็คือ การรอโหลดของลงเรือสินค้าที่จะออกเดินทางไปสู่ อิสตันบูล ประเทศตุรกี

ในสมัยนั้น การโหลดสินค้าลงเรือ ยังต้องขนสินค้าเป็นชิ้นๆ ขึ้นเรือ โดยใช้แรงงานคน ซึ่งทำให้มัลคอม ต้องรอเป็นวันๆ กว่าที่จะได้คิวโหลดสินค้า และกว่าที่จะโหลดสินค้าเสร็จ

เขามักจะบ่นกับเพื่อนๆ ทุกครั้ง ในทำนองว่า “มันต้องมีวิธีการที่ดีกว่าการมานั่งรอ ยกสินค้าขึ้นเรือทีละชิ้นแบบนี้ ทำไมถึงไม่มีใครคิดที่จะยกรถทั้งคันขึ้นเรือไปเลย แล้วก็เอาไปใช้งานต่อ”

โดยเฉลี่ยการโหลดสินค้าลงเรือ ใช้เวลารวมประมาณ 8 วัน!

——————————–

จากปัญหาสู่ไอเดียธุรกิจ ที่เปลี่ยนโลก!

ปัญหาที่ มัลคอม เจอกับตัวเองในวันนั้น ทำให้ต่อมาในช่วงปี 1950 เขาได้คิดค้นทางแก้ปัญหา โดยใช้ไอเดีย “กล่องขนาดใหญ่” หรือ “Big Box” ซึ่งก็ประยุกต์มาจากตู้บรรทุกสินค้าของรถไฟ

นวัตกรรมดังกล่าวคือ ไอเดียต้นแบบของ ตู้คอนเทนเนอร์ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และในปี ค.ศ. 1956 มัลคอมในฐานะเจ้าของบริษัทขนส่ง ก็ได้ทำให้ความฝันของเขาเป็นความจริง

โดยเขาทำการเปลี่ยนเรือบรรทุกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีชื่อเท่ห์ๆ ว่า “Ideal X” ให้เป็นเรือขนส่งสินค้าทางทะเล โดยบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ถึง 58 ตู้ (ความยาวตู้ประมาณ 35 ฟุต) และมีผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกว่า 15,000 ตัน

ในปี ค.ศ. 1956 มัลคอม คำนวณเปรียบเทียบว่า การขนส่งโดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์แบบใหม่ของเขาจะช่วยลดต้นทุนขนส่งจาก 5.83 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เหลือเพียง 0.16 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน หรือ 36 เท่า

และการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ และเครนยกตู้ จะช่วยลดเวลาโหลดสินค้าลงเรือ จาก 8 วัน เหลือเพียงหลัก 1-3 วันเท่านั้น

——————————–

ตู้ใบเล็ก ที่เชื่อมโลกเข้าด้วยกัน

มากกว่า 90% ของการค้าระหว่างประเทศต้องใช้การขนส่งทางทะเล และการขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ก็ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย

บางรายงานระบุว่า จำนวนตู้คอนเทนเนอร์ที่มีอยู่ทั่วโลก มีอยู่ประมาณ 5 ถึง 170 ล้านตู้…สาเหตุที่ตัวเลขจำนวนตู้กว้างถึงขนาดนี้ก็เพราะว่า บริษัทเดินเรือ หรือบริษัทที่ให้เช่าตู้คอนเทนเนอร์ ไม่ค่อย อยากจะเปิดเผยตัวเลขจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ที่มีใช้งานสักเท่าไหร่ เพื่อให้ดูลึกลับนิดนึง ลูกค้าและคู่แข่ง จะได้คาดเดากำลังการขนส่งไม่ถูก

สำหรับตัวเลขที่ดูแม่นยำขึ้นก็คือ จำนวนตู้มีมากกว่า 20 ล้านตู้ มีอัตราการเติบโตที่ 3.9% โดยขนาดตู้มาตรฐานก็จะมี ตู้ที่มีความยาว 20 ฟุต (หรือเรียกว่า “ตู้สั้น”) และตู้ความยาว 40 ฟุต (หรือเรียกว่า “ตู้ยาว”) แต่ก็มีตู้ประเภทอื่นๆ ด้วยหลากหลายกว่า 16 รูปแบบ ตามชนิดสินค้า

ทั้งนี้ ไม่มีหน่วยงานไหนที่ตั้งใจนับตัวเลขจำนวนตู้แบบจริงจัง คือจำนวนตู้ที่ผลิตอาจพอนับได้ แต่จำนวนตู้ที่มีหมุนเวียนใช้งาน จะนับยากขึ้นอีกระดับหนึ่ง ซึ่งก็คล้ายๆ กับจำนวนรถบนท้องถนน ที่ก็คงได้แค่ประมาณการณ์เอา

——————————–

เจ้าแห่งการผลิตตู้คอนเทนเนอร์

จริงๆ ก็น่าจะเดาไม่ยากว่า 85% ของตู้คอนเทนเนอร์ทั้งโลกถูกผลิตขึ้นที่ประเทศ…จีน

ส่วนประกอบหลักๆ ของตู้คอนเทนเนอร์ก็แน่นอนว่าคือ แผ่นเหล็ก, พื้นไม้, สี, และชิ้นส่วนอื่นๆ หากเทียบต้นทุนการผลิตตู้คอนเทนเนอร์ 100 บาท จะแบ่งเป็น

– ค่าเหล็ก 50-55 บาท

– ค่าพื้นไม้ 15 บาท

– ค่าสี 10 บาท

– ค่าแรง 5-10 บาท

– ค่าอะไหล่ 15 บาท

สนนราคาตู้คอนเทนเนอร์ 1 ตู้ ก็อยู่แถวๆ 90,000 ถึง 150,000 บาท

สำหรับ ผู้ผลิตตู้คอนเทนเนอร์ รายใหญ่ที่สุดในโลกก็คือ บริษัท CIMC (China International Marine Container Group) สำนักงานใหญ่ที่เซิ่นเจิ้น โดยมีโรงงานในทั่วโลกถึง 11 บริษัท และเป็นบริษัทแรกในโลกที่มีกำลังการผลิตตู้ สูงถึง 2 ล้านตู้ต่อปี!!

คิดภาพตอนนี้ หาตู้ส่งออกไปซัก 1 ตู้ ก็หายากนิดนึง ต้องยอมสู้ราคา!

——————————–

การมาถึงของตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลดต้นทุนค่าขนส่ง และลดเวลาขนส่งอย่างมหาศาล ทำให้ โลกาภิวัฒน์ (Globalization) เกิดขึ้นได้จริง การขนส่งสินค้าทางเรือ จากประเทศที่มีสินค้า ไปสู่ประเทศที่ไม่มีสินค้าสามารถเป็นไปได้

ตัวอย่างสินค้าที่คลาสสิก ก็คือ “กล้วย” ที่มีปลูกเฉพาะในประเทศเขตร้อนชื้น เช่น อินเดีย ละตินอเมริกา และเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถขายไปได้ทั่วโลก ในราคาที่เข้าถึงได้ หลักกิโลกรัมละ 1-2 เหรียญฯ

เรื่องราวของ มัลคอม แม็คลีน ที่สามารถคิดค้นนวัตกรรมเพื่อแก้ความเบื่อของเขาจากการที่ต้องมารอโหลดสินค้า ได้สร้างคุณค่าอย่างมหาศาลต่อโลก ทำให้การค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าจากประเทศที่มีสินค้า ไปสู่ประเทศที่ไม่สามารถผลิตสินค้านั้นๆ เป็นไปได้จริง

จะเรียกว่า ช่วยให้คนพ้นความจากความยากจน ก็ได้ โดยเฉพาะการก้าวขึ้นมาเป็นโรงงานผลิตสินค้าของโลก อย่าง ประเทศจีน

และทุกวันนี้ หลายๆ คนคงได้เห็นความสำคัญยิ่งขึ้นว่าพอตู้คอนเทนเนอร์มันช๊อต ไม่มีตู้ส่งออกจากไทย มันก็ทำให้ธุรกิจ วุ่นวายได้มากจริงๆ

——————————–

หากบทความมีประโยชน์ กดไลค์ และแชร์ให้เพื่อนๆ ได้เลย

หรือใครอยากให้แอดเล่าที่มาที่ไปของสินค้าตัวไหน ก็เม้นท์ หรือส่ง inbox มาได้เลย แอดจะไปแสวงหาคำตอบมาให้นะ

=========================

นำเข้า “ความรู้” ส่งออก “ความคิด” ติดตาม

“นำเข้าส่งออก สุดขอบฟ้า”

=========================

ด่วน! สำหรับ ผู้นำเข้า ส่งออก ที่เจอปัญหา จองเรือไม่ได้ ไม่มีตู้ ค่าขนส่งขึ้นเป็นเท่าตัว!!

เชิญชวน มาทดลองใช้งาน ZUPPORTS ช่วยจอง Booking เรือ เครื่องบิน รถ ผ่านช่องทางออนไลน์

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้แล้ววันนี้ที่ https://zupports.co/register/