ตามรอย ตู้คอนเทนเนอร์ หายไปไหนหมด???

ผู้นำเข้า ส่งออก น่าจะสงสัยว่าเอ…ช่วงนี้ ตู้คอนเทนเนอร์มันหายไปไหน?? ซึ่งแน่นอนว่าตู้ส่วนน้อยมากๆ ที่ไปอยู่ตามท้องถนนในไทย

แต่ตู้ส่วนใหญ่นั้น หายไปอยู่ไหนกัน!

แอดมินก็สงสัยเหมือนกัน เลยไปหาคำตอบมาให้

หากพร้อมแล้ว เราไปติดตามกันเลย

=========================

นำเข้า “ความรู้” ส่งออก “ความคิด” ติดตาม

“นำเข้าส่งออก สุดขอบฟ้า”

=========================

1) โดยปกติแล้วก็ต้องบอกว่า ประเทศที่นำเข้าส่งออก ส่วนใหญ่ จำนวนตู้สินค้า ที่นำเข้าประเทศ ก็จะไม่เท่ากับจำนวนตู้ที่ส่งออก อยู่แล้ว

ตัวอย่างเช่น ประเทศที่ส่งออก มากที่สุดในโลกอย่างจีน แน่นอนว่า ส่วนใหญ่ ส่งออกสินค้าทางเรือ โดยตู้คอนเทนเนอร์ แต่สิ่งของที่จีนนำเข้า กลับเป็นพวกวัตถุดิบ ซึ่งบ่อยครั้ง ก็ไม่ได้มาทางเรือตู้ มาทางพวกเรือเทกอง หรือเรือประเภทอื่นๆ แทน

2) ทำให้โดยปกติ ทางจีนเอง ก็ต้องขนตู้เปล่าขึ้นเรือ กลับมาเพื่อส่งออก อยู่แล้ว แต่พอมีสถานการณ์ ที่หลายประเทศเร่งสั่งของจากจีน เพื่อทำสต็อกสินค้า ในช่วงที่ผ่านมา ก็ทำให้สถานการณ์ตู้ชอต เลวร้ายกว่าเดิม…

3) โดยปกติ สายเรือ ก็มีการเช็คสต็อกตู้ว่าอยู่ที่ไหนบ้าง และจะบริหารงาน ขายเฟรท+ตู้ อย่างไรบ้าง ซึ่งตัวเลขนี้ ส่วนใหญ่ก็มีเฉพาะสายเรือนั้นๆ ที่รู้ และไม่ได้มีหน่วยงานกลางไหน ที่มานับจำนวนตู้ของแต่ละสายเรือ ว่าอยู่ที่ไหนกันบ้าง

4) แต่ก็มีบริษัทที่ชื่อว่า Container X Change พยายามที่จะทำให้การตรวจสอบว่า ตู้คอนเทนเนอร์ ตกค้างอยู่ที่ไหนบ้าง เป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยได้จัดทำสิ่งที่เรียกว่า Container Availability Index (CAx) ขึ้นมา สามารถเช็คได้ว่า ที่ท่าเรือ นั้นๆ มีตู้ เหลือ หรือ ตู้ขาด อยู่!

5) ดัชนี Container Availability Index (CAx) เป็นตัวเลข ระหว่าง 0 ถึง 1 โดยตัวเลขที่มากกว่า 0.5 หมายความว่า มีตู้สินค้าส่วนเกินที่ท่าเรือ นั้นๆ และตัวเลขที่น้อยกว่า 0.5 หมายความว่าตู้ช๊อตอย่างหนัก

6) เรามาดูตัวอย่าง ท่าเรือ ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง เซี่ยงไฮ้ กัน ก็จะพบว่า CAx ของตู้ 40 ฟุต ช่วงนี้หล่นไปอยู่แถวๆ 0.03 เท่านั้น หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตัวเลขอยู่ที่ 0.48 แสดงว่า ตู้ช๊อตอย่างรุนแรง

โดยปริมาณตู้ที่เซี่ยงไฮ้ อยู่ในระดับต่ำมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2020 นี้แล้ว

7) หากมาดูฝั่งสหรัฐฯ บ้าง เช่น Los Angeles ก็จะพบว่า..ตู้มันมากองอยู่ที่นี่นั่นเอง คือ ดัชนี CAx เกิน 0.5 มาโดยตลอด จะมีก็ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตู้เริ่มช๊อตแล้ว (อาจเกิดจากส่งออก มากขึ้น แต่ตู้ขาเข้า มาไม่ทัน นั่นคือ ตู้ส่วนใหญ่ก็ลอยลำกลางทะเลนั่นแหล่ะ

8) สำหรับผู้นำเข้า ส่งออก ที่สนใจ ก็สามารถเข้าไปเช็ค CAx ด้วยตัวเอง เพื่อเป็นไอเดียได้ง่ายๆ ที่ https://container-xchange.com/features/cax/#mail

9) มีแฟนเพจ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตู้ส่วนหนึ่งที่ลอยอยู่กลางทะเลมากขึ้น เพราะช่วงที่ผ่านมาสายเรือ แข่งกันต่อเรือขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อให้ประหยัดจากขนาด ลดต้นทุนขนส่ง แต่ก็ทำให้เรือ ต้องแวะหลายจุดมากขึ้น จะได้คุ้ม เวลาเดินเรือ เลยยาวขึ้นไปอีก

10) ช่วงที่ผ่านมา การส่งออกจากเอเชีย ไปสหรัฐฯ อาจได้สิทธิไปก่อน เพราะว่าราคาค่าขนส่งแพงดีมาก แต่ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาไปยุโรป ก็กระโดดขึ้นมาแล้ว ทำให้ไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกันมาก

อย่างไรก็ตาม พอราคาจาก เอเชีย ไป ยุโรปแพง ก็ทำให้เกิดแรงจูงใจให้ตีตู้เปล่ากลับเอเชียมากขึ้น สุดท้ายกลายเป็น ราคาส่งออก จากยุโรปมาเอเชีย แพงตามไปด้วย โดยราคาตู้ 40 ฟุต ส่งออกจากยุโรป สูงกว่า 5,000 เหรียญสหรัฐฯ แถมยังต้องรอถึงกลางเดือน มกราคมปีหน้า ถึงจะมาได้ เรียกว่าปั่นป่วนกันไปหมด

11) ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ มีสถิติ ระบุว่า พวกตู้เปล่าทั่วโลก ใช้เวลาอยู่ที่ท่าเรือ ยาวนานถึง 45 วัน กว่าจะได้ขยับ เป็นค่าเสียโอกาส อย่างมหาศาล ยิ่งประเทศอย่างจีน และสหรัฐฯ ยิ่งแล้วใหญ่ คือ ตู้ต้องรอที่ท่าเรือ นานถึง 61 และ 66 วันตามลำดับ…

12) ประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม สำหรับ เพื่อนผู้ประกอบการ ที่กำลังประสบปัญหา แอดมินแนะนำบริการเปรียบเทียบค่าขนส่งทั้งทางทะเล ทางอากาศ และทางบก นั่นก็คือสตาร์ทอัพไทยอย่าง “ZUPPORTS”

ทีมงานยินดีช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกท่าน สนใจลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้เลยที่ https://zupports.co/register/