ใน 4 ตอนที่ผ่านมา เราได้เห็นการผลัดขึ้นมามีบทบาททั้งด้านการเมือง และเศรษฐกิจของโลก
ไล่มาตั้งแต่ จักรวรรดิโรมัน, จักรวรรดิไบแซนไทน์, การเข้าสู่ยุคเรเนซองส์ของยุโรป เริ่มต้นที่ ฟลอเรนซ์ และไปแตะเรื่องความเจริญรุ่งเรืองของชาวดัตช์ กับความมหัศจรรย์ของดอกทิวลิป….
เรื่องราวการขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจของแต่ละจักรวรรดิ ทั้งอำนาจทางการทหาร เศรษฐกิจ จนทำให้สกุลเงินของชาติมหาอำนาจนั้นได้รับการยอมรับ มีรูปแบบที่ซ้ำๆ เดิมอยู่เสมอ
และล่าสุด แอดมินได้มีโอกาสได้อ่านบทความของนักลงทุนระดับโลกอย่าง เรย์ ดาลิโอ เขียนอธิบายเรื่องราวความรุ่งเรืองและการล่มสลาย ของประเทศมหาอำนาจ ในยุคล่าอาณานิคม ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ มาจนถึงยุคของสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน
อ่านแล้ว ทำให้ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ จากเรื่องราวประวัติศาสตร์ ที่มักจะกลับมาซ้ำรอยเดิม
บทความตอนนี้ ก็เลยขอสรุปที่ คุณเรย์ เขียนมาให้เพื่อนๆ อ่านกัน โดยแอดมินจะเสริมเกร็ดอื่นๆ เข้าไปเพื่อความครบรส (ถือว่าใจตรงกับ เรย์ น่ะ)
หากพร้อมแล้ว เราไปติดตามกันเลย
════════════════
ผู้นำเข้า ส่งออก หาขนส่งมืออาชีพ
นึกถึง ZUPPORTS
════════════════
1) เรย์ เล่าย้อนหลังไป 500 ปี ที่ผ่านมา ถึงการก้าวขึ้นมาครองโลก ของประเทศต่างๆ โดยทางเรย์ เองได้ทำการรวบรวมข้อมูลที่เป็นตัววัดพลังของมหาอำนาจแต่ละประเทศ ไปพลอตลงกราฟ เปรียบเทียบ (ตามรูป)
Cr. Ray Dalio
2) เราจะเห็นได้ว่า ปัจจุบัน สหรัฐอเมริกา กำลังอ่อนแรงลง และประเทศที่เป็นดาวรุ่งขึ้นก็คือจีน ซึ่งจากข้อมูลของเรย์ จีนเองใกล้ที่จะขึ้นมาเทียบชั้นกับสหรัฐอเมริกา ได้แล้ว….
โดยประวัติศาสตร์บอกเราว่า ทุกครั้งที่มีการงัดกันของมหาอำนาจ สองขั้ว เหตุการณ์อาจตัดสินกันด้วย…สงคราม
3) หากย้อนกลับไป 500 ปีที่แล้ว ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจ และมีพลังอำนาจ ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่ก็คือ ประเทศจีนนั่นเอง แต่ด้วยประวัตศาสตร์โลก สมัยนั้นส่วนใหญ่ คงเขียนโดยชาวตะวันตก
อีกประเด็นคือ จีนเอง ก็ไม่ได้มีความต้องการที่จะล่าอาณานิคม ล่าดินแดนประเทศอื่น (ส่วนหนึ่งคือ จีนคิดว่า ประเทศตัวเองเจริญที่สุด อยู่ตรงกลางของโลก อยู่แล้ว ประเทศอื่นๆ แค่ส่งเครื่องบรรณาการ เป็นครั้งคราวก็พอ)
แตกต่างจาก นักล่าอาณานิคม อย่าง สเปน ที่กล้าหาญ ออกเดินเรือไปทั่วโลก เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ๆ…
4) ปี ค.ศ. 1492 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือชาวอิตาลี ได้เดินเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก จนค้นพบทวีปซึ่งชาวยุโรป ไม่เคยรู้จักมาก่อน นั่นก็คือ “ทวีปอเมริกา”
เป็นจุดประกาย ให้ประเทศต่างๆ ในยุโรปออกเดินเรือ เพื่อแข่งกันแย่งชิงดินแดนใหม่ โดยมุ่งหวังที่จะได้ทรัพยากร โดยเฉพาะ สิ่งที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในสมัยนั้น ก็คือ โลหะที่ถูกใช้เป็นสกุลเงิน อย่าง “ทอง” และ “เงิน”
5) จักรวรรดิสเปน ประสบความสำเร็จในการยึดดินแดนฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกา ยาวตั้งแต่อ่าวแคลิฟอร์เนีย อเมริกากลาง ลงไปถึงใต้สุดของทวีปอเมริกาใต้ ทำให้ประเทศเล็กๆ อย่างสเปน ยึดครองดินแดนทั่วโลกได้มากถึง 13% ของทั้งโลก
Spanish Empire
6) ในช่วงคริสต์ศตวรรษ ที่ 16 การค้นพบแร่ทอง และเงินมหาศาลที่ทวีปอเมริกา ทำให้สเปนเจริญรุ่งเรืองสุดๆ สเปนแผ่อิทธิผล ล่าอาณานิคมไปทั่วโลก ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิค มาถึงฟิลิปปินส์
เหรียญเงิน “piece of eight” ของสเปน ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากพื้นฐานของเหรียญ German thaler (เป็นที่มาของชื่อเรียก “dollar”)
“piece of eight” กลายเป็นสกุลเงินของโลก (ที่แท้จริง) เป็นครั้งแรก…
(ด้วยความดังของ Spanish piece of eight ในหนัง Pirates of the Caribean ก็เลยเล่นมุก Nine piece of eight ที่ตอนแรกคิดว่าเหล่า โจรสลัด ได้แบ่งเหรียญเงิน 8 เรียล ออกเป็นส่วนๆ แต่ของจริงกลับไม่ใช่..)
Cr. Pinterest
7) แต่ความร่ำรวยก็ไม่เข้าใครออกใคร การขนทอง และเงิน มาจากทวีปอเมริกาของสเปน กลับกลายเป็นเรื่อง คล้ายๆ กับการพิมพ์แบงก์ออกมาใช้ (หรือการทำ QE)
โดยปริมาณเงินที่เพิ่มมากขึ้น แต่ปริมาณสินค้ายังมีให้ซื้อเท่าเดิม ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อขึ้นในยุโรป ในช่วงปี ค.ศ. 1540 – 1640 ราคาอาหารและข้าวของเครื่องใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรียกว่าช่วง “price revolution”
นอกจากนี้การที่ชาวสเปนร่ำรวย จากเงินทองมหาศาล ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “resource curse” เหมือนที่ประเทศเวเนซุเอล่ามีน้ำมันมาก แต่กลับยากจน
คือ ผู้คนสเปน อยู่สบายจนเคยตัว ไม่จำเป็นต้องพัฒนาตัวเอง ทำให้สูญเสียความสามารถทางการแข่งขัน การค้าระหว่างประเทศให้ประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง ชาวดัตช์ และอังกฤษ
ในในที่สุด จักรวรรดิสเปน ก็พ่ายแพ้สงครามให้กับ นโปเลียน โบนาปาร์ต
8) ชาวดัตช์ เป็นคนที่มีนวัตกรรม ทำให้สามารถก้าวขึ้นมาแทนสเปนได้ โดยเคล็ดลับสำคัญ มี 2 อย่าง ก็คือ
หนึ่งเลียนแบบการค้าขายของสเปนและโปรตุเกส แต่ครั้งนี้ไปด้วยกำลังทหารครบมือ
และสองการคิดค้นระบบทุนนิยม (Capitalism) ซึ่งก็คือการใช้กลไกตลาดเงิน ตลาดทุน ทำให้บริษัท Dutch East India (VOC) กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ากิจการสูงที่สุดในโลก (ตามที่เล่าในตอนที่แล้ว)
Dutch VOC
9) เรย์ อธิบายปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรือง กลายเป็นมหาอำนาจไว้ 8 ปัจจัยด้วยกัน
โดยจุดเริ่มต้นจากปัจจัย ที่สำคัญที่สุด ก็คือ ระบบการศึกษา คือ คนในประเทศนั้นๆ ต้องมีความรู้ สามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (Productivity) ให้ได้
Cr. Ray Dalio
หลังจากนั้น พอประเทศนั้นๆ ขยายอำนาจค้าขายไปกับคนทั่วโลกแล้ว ก็จะทำให้สกุลเงินของประเทศนั้นๆ กลายเป็นสกุลเงินหลักของโลก และสถานะนั้นยังจะคงอยู่ไปอีกหลายสิบปีถึงแม้มหาอำนาจนั้นๆ จะเสื่อมอำนาจลง
10) ประเทศอำนาจ ช่วงที่ก้าวสู่จุดสูงสุด หนี้สินของประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เดิมความเหลื่อมล้ำทางสังคม คนรวย รวยเพิ่มขึ้น ขณะที่คนจน ก็จนลงจนทนไม่ไหว ขณะที่ภายในอ่อนแอ คู่แข่งกับแข็งแกร่งขึ้นมา
ชาวดัตช์เอง ก็เจอเหตุการณ์เช่นนั้น ภายในอ่อนแอ แต่อังกฤษเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ
บริษัท British East India ของอังกฤษ แย่งชิงเส้นทางการค้า กับบริษัท VOC ของชาวดัตช์ จนเกิดสงคราม Anglo-Dutch ครั้งที่ 4 ช่วงปี ค.ศ.1780-1784 ซึ่งเป็นชัยชนะของอังกฤษ และเป็นจุดจบของดัตช์
11) หลังจากจบสงครามครั้งนั้น อังกฤษและพันธมิตร (รัสเซีย, ออสเตรีย, และปรัสเซีย) ก็ก้าวขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจของโลก สกุลเงิน ปอนด์อังกฤษ กลายเป็น สกุลเงินที่ครองโลก
British Empire Cr. Wiki
12) จริงๆ แล้วในช่วง ค.ศ.1760 เกิดเหตุการณ์สำคัญในอังกฤษ ก็คือ การปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial Revolution) การนำเครื่องจักร โดยเฉพาะเครื่องจักรไอน้ำ
ทำให้ประเทศเล็กๆ อย่างอังกฤษ มีความสามารถทางการผลิตที่สูงเหนือทุกประเทศในโลก และด้วยแสนยานุภาพทางกองทัพเรือ ทำให้อังกฤษครองความยิ่งใหญ่ ได้เป็นเวลานับ 100 ปี
13) อังกฤษ เดินซ้ำรอยดัตช์ ความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิ ก็ถึงวันเสื่อมถอย ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน และประเทศอื่นที่เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะประเทศที่สามารถสร้างนวัตกรรมระดับที่ “เปลี่ยนโลก” ได้ อย่างสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น การประดิษฐ์โทรศัพท์โดยอเล็กซานเดอร์ แกรแฮม เบล หรือการคิดค้นหลอดไฟของเอดิสัน
14) สหรัฐอเมริกา สว่างไสว ก้าวขึ้นมาเทียบชั้นอังกฤษ จนเกิดสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง ทำให้อังกฤษเสียแชมป์ไปให้สหรัฐอเมริกาในที่สุด
Bretton Woods
สกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ครองความยิ่งใหญ่ มาได้จนถึงปัจจุบัน
แต่ก็กำลังถูกท้าทาย ด้วยมหาอำนาจเก่าตั้งแต่ยุคโบราณอย่างจีน
การที่จีนจะล้มแชมป์ คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ…
ขุมสมบัตินี้ ใครที่จะเป็นฝ่ายได้ครองคงต้องเกาะหน้าจอ รอชมกันไปยาวๆ
โดยในตอนต่อไปเรามาติดตามกันว่า 2 ประเทศนี้ผ่านอะไรกันมาบ้าง…
════════════════
ผู้นำเข้า ส่งออก หาขนส่งมืออาชีพ
นึกถึง ZUPPORTS
════════════════
ที่มา:
The Ascent of Money
https://www.linkedin.com/pulse/big-cycles-over-last-500-years-ray-dalio/
👫 พิเศษสุด! “นำเข้าส่งออก สุดขอบฟ้า Marketplace”
สำหรับเพื่อนๆ นำเข้า ส่งออก เชิญค้าขายกันได้เลย
https://www.facebook.com/groups/573677150199055/?source_id=41608658924228
❤️ ช่วย SMEs ก้าวไกลไปทั่วโลก
👫 ร่วมกลุ่มผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก