โควิด-19 กำลังลามไปสู่กลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ประชากรกว่า 900 ล้านคน

ทาง World Economic Forum ได้ออกบทความหนึ่งชื่อว่า “Coronavirus is coming for the world’s poor. Here are six ways to help”

ซึ่งกล่าวถึงการที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังคืบคลานไปหากลุ่มประเทศที่ทางสหประชาชาติ เรียกว่า “Least-Developed Country (LDC)” หรือ “ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด” ซึ่งมีจำนวน 47 ประเทศ จาก 195 ประเทศทั่วโลก หรือประมาณ 1 ใน 4

โดยกลุ่มประเทศเหล่านี้ มีจำนวนผู้คนกว่า 900 ล้านคน เป็นประเทศใน แอฟริกา 33 ประเทศ, เอเชีย 9 ประเทศ, แคริเบียน (อเมริกากลาง) 1 ประเทศ, และหมู่เกาะในทะเลแปซิฟิก

════════════════

หาราคาขนส่งทั่วโลก ที่ดีที่สุด

www.zupports.co

════════════════

เมื่ออ่านจบก็ต้องนิ่งไปพักหนึ่ง

เพราะดูรูปแผนที่แล้วเป็นกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกับไทย ไปซะ 3 ประเทศทั้ง พม่า, ลาว, และกัมพูชาก็อยู่ในกลุ่มนี้ นอกจากนั้นตัวเลขการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อในมาเลเซียก็น่ากลัว

และก็มีประเทศทางเอเชียใต้ อย่างบังคลาเทศ เนปาล และภูฏาน ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับไทย

ประเทศเหล่านี้มีกำลังในการรับมือกับโรคระบาดเช่นนี้ อย่างจำกัด ยกตัวอย่างเช่น ประเทศเนปาล ที่มีประชากร 28 ล้านคน แต่มีจำนวนเตียงสำหรับผู้ป่วยที่อาการหนัก น้อยกว่า 500 เตียงเท่านั้น การตรวจเชื้อโควิด-19 เอง ก็ทำได้อย่างจำกัดมากๆ

เราลองไปดูตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อโดยรวม เทียบไทยและมาเลเซีย

(วันที่ 30 มีนาคม 18:00 น.)

มาเลเซีย 2,626 ราย

ไทย 1,524 ราย

กัมพูชา 107 ราย

บังคลาเทศ 49 ราย

พม่า 10 ราย

ลาว 8 ราย

เนปาล 5 ราย

ภูฏาน 3 ราย

ซึ่งตัวเลขดังกล่าว ก็อย่างที่เราทราบกันดีว่า มันเกิดมาจากผู้ติดเชื้อน้อยจริงๆ หรือว่าเกิดมาจากการตรวจไม่ทั่วถึงกันแน่

จริงๆ แล้วประเทศไทยเราเองตอนนี้ก็มีหลายๆ คนสงสัยตัวเลข เหมือนซื้อเวลาไปเรื่อยๆ

สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหานั้น หลายๆสำนักบอกตรงกัน ก็คือ ช่วงที่รอวัคชีน ก็ต้องทำ Social Distancing คือ ลดการพบเจอกัน และสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นหน้ากาก หรืออุปกรณ์อื่นๆ

แต่หากเรามองประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดกลุ่มนี้ หลายๆ ประเทศ อยู่กันในชุมชนแออัด ที่ต้องหารายได้ การจะหยุดเชื้อด้วย Social Distancing ก็อาจทำได้ยากขึ้น และเรื่องนี้อาจไม่จบง่ายๆ

ซ้ำร้ายบางประเทศยังมีความคิดแปลกๆ อีกด้วย ตัวอย่างเช่น The Economist รายงานว่าผู้นำประเทศในแอฟริกาอย่าง แทนซาเนีย กล่าวว่า โบสถ์ จะต้องเปิดอยู่เสมอ เนื่องจากไวรัสโควิด-19 นี่คือ ซาตาน ที่ต้องพ่ายแพ้ ให้กับพระคริสต์อย่างแน่นอน!

นอกจากนี้ประเทศที่เหตุการณ์ดีขึ้นมากๆ แล้วอย่างจีน ตอนนี้ก็ยังยกเลิกเที่ยวบินไปเยอะมาก เพราะกลัวติดซ้ำอีกรอบ

และยังมีรายงานว่าผู้ป่วยในอู่ฮั่นที่ตรวจพบว่ามีเชื้อ โควิด-19 ที่รักษาหายแล้ว แต่พอมาตรวจซ้ำอีกรอบ กลับพบเชื้อขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยกลุ่มนี้มีประมาณ 5-10% ของผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วทั้งหมด

ซึ่งตัวเลขที่จีนรายงานอยู่ทุกวันนี้ เค้าไม่ได้นับผู้ป่วยที่ถูกตรวจซ้ำว่าติดเชื้อ เป็นผู้ป่วยคนใหม่ด้วยนะ! อย่างไรก็ตามอู่ฮั่นยังปิดอยู่ คนออกนอกเมืองไม่ได้จนถึงวันที่ 8 เมษายน

โดยสรุป ถึงแม้มองไปข้างหน้า หากไทยหายป่วย แต่ชายแดนที่ติดกับไทย อาจไม่เอื้อให้เปิด

คือ นอกจากลุ้นให้ไทยสยบโควิด-19 ได้ พอทำเช่นนั้นได้แล้ว ก็ต้องไปลุ้นต่ออีกที ให้ประเทศเพื่อนบ้านของเรา สยบโควิด-19 ให้ได้เช่นกัน

ซึ่งไทยเราเอง นอกจากมองว่าจะช่วยเหลือตัวเองยังไง คงต้องมองประเทศเพื่อนบ้านเราด้วย เพราะถ้าเพื่อนแย่ไป เราก็คงอยู่ยากเหมือนกัน

โดยเฉพาะ งานหลายๆ อย่างที่คนไทยไม่ทำ ใช้แรงงานต่างด้าว ทีนี้ก็อาจต้องทำเองแล้ว

หรือไม่ผู้ประกอบการก็คงต้องหาวิธี ใช้เครื่องจักรเพื่อทดแทนแรงงานคน แต่ก็คงต้องบอกว่า คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับ SMEs ที่จะลงทุนให้อยู่รอดถึงจุดนั้น

แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง หากไทยเราเกิดหายก่อน จริงๆ ก็คงต้องเตรียมพร้อมอาหาร และอุปกรณ์ ส่งไปช่วยประเทศเพื่อนบ้านด้วยเหมือนกัน

ไม่บ่อยครั้งที่จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกประเทศทั่วโลกปั่นป่วนได้ขนาดนี้

แต่บ่อยครั้งที่คนที่อยู่ในวิกฤตมักไม่ได้ตระหนักว่าวิกฤตจะรุนแรงขนาดไหน

คงต้องเตรียมตัว และเตรียมใจ เผื่อสถานการณ์ที่เลยร้ายสุดๆ เอาไว้ก่อน

แต่ที่สำคัญกว่านั้น สำหรับคนที่มีกำลัง (ทั้งแรงกาย และกำลังทรัพย์)

คงต้องถึงเวลา ลุกขึ้นมาช่วยรบในศึกครั้งนี้กันหน่อย

คือ อย่างน้อยที่สุด ก็ให้เราได้จดจำเหตุการณ์ครั้งนี้